เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปยุโรป ไม่เคยคิดว่าจะได้ไปเพราะมันแพง! แต่แล้วสวรรค์เป็นตา ฟ้าเป็นใจ สามีมีเพื่อนๆที่เต็มใจให้เราสองไปนอนบ้านเค้าได้ เลยจัดไปก่อนแก่แล้วจะไม่มีแรงเที่ยว ><
ตอนออกจากกรุงเทพ โดนบินฉายเดี่ยวเนื่องจากใช้ Mileage แลกแล้วมันมีเหลืออยู่ที่เดียวของสายการบินฟินแอร์ ส่วนคุณสามีเลยต้องไปบินกับสายการบินบ้านเฮา… การบินไทยนั่นเอง เข้าไปอ่านบล็อกก่อนหน้านี้ได้ที่ My First Europe trip in Day 1 หลังจากท่องเที่ยวแบบพอหอมปากหอมคอที่เวียนนา เราสองก็แบกเป้ไปเยอรมันนีโดยรถไฟ โดยแพลนว่าจะไปพักกับเพื่อนที่ Augsburg คืนนึง และค่อยกลับมามิวนิค 2 คืน ไหนๆมี Eurail Pass ในมือแล้ว ก็ต้องใช้ให้คุ้มซะหน่อย 🙂
แบกเป้ นั่ง U Bahn(รถไฟใต้ดิน) เพื่อไปขึ้นรถไฟของ OBB Railjet ต่อ(อ่านแบบขำๆ โอ้ เบ้เบ้) รถไฟออกจากเวียนนาไปมิวนิคตอน 9.36 (ต้องนั่งจากเวียนนาไปมิวนิคก่อนและค่อยเปลี่ยนรถไฟไป Augsburg)
ด้วยความที่ถึงสถานีล่วงหน้า ก็เลยหาซื้อขนมปังกับน้ำตุนไว้ทานบนรถไฟเพราะต้องนั่งรถไฟประมาณ 4 ชั่วโมงและราคาอาหารบนรถไฟย่อมแพงกว่าตามสถานีแน่ๆ ส่วนมากอาหารที่ขายที่สถานีก็จะมีพวกขนมปัง ครัวซอง แซนวิช ต้องยอมรับเลยว่าขนมปังที่ยุโรปนี่หอมอร่อยจริงๆ
ส่วนใครที่ไม่ได้ซื้อ Eurail passล่วงหน้าก็สามารถหาซื้อได้ที่สถานีนะคะ ที่สถานีจะมีออฟฟิศของ OBB และก็มีตู้ขายตั๋วด้วย
ตอนที่ขึ้นรถไฟไปก็ต้องดูด้วยว่า โบกี้ไหนเป็นชั้น 1 ถ้าเรามีตั๋วที่ไม่ใช่ชั้น1 และเผลอไปนั่งด้วยความไม่รู้หรือไม่ตั้งใจหรือจะตั้งใจก็แล้วแต่ โดนปรับนะคะเพราะจะมีเจ้าหน้าที่เดินตรวจตั๋วอยู่ตลอดเวลา ที่นั่งชั้น1 จะเป็นเก้าอี้หนัง, ที่นั่งกว้างและเอนได้ มี่ที่ยืดขาได้สบาย, มีที่เก็บกระเป๋าด้านบน, มีไฟสำหรับอ่านหนังสือ, มีWiFi, มีที่ชาร์ตอุปกรณ์ไฟฟ้า, มีพนักงานเดินมาถามว่าจะสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรมั๊ยและจะเสิร์ฟอาหารให้ด้วย
ตอนถึงสถานีรถไฟที่มิวนิค พอดีมีเวลา 2-3 ชั่วโมง ก่อนจะต้องนั่งรถไฟต่อไป Augsburg ก็เลยเก็บกระเป๋าไว้ที่ลอกเกอร์ที่สถานี ราคาจะมีบอกไว้บนลอกเกอร์ ราคาจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาดลอกเกอร์ที่จะใช้ โดยฝากไว้ได้ 24 ชั่วโมง ต้องเสียเงินเพิ่มหลังจาก 24 ชั่วโมงและสามารถเก็บกระเป๋าได้ไม่เกิน 72 ชั่วโมงนะคะ
หลังจากเก็บกระเป๋าไว้ที่ลอกเกอร์เสร็จก็ออกเดินเที่ยวก่อนจะกลับมาเจอกับเพื่อนที่จะไปนอนค้างบ้านเค้าในAugsburg ที่สถานีรถไฟ ออกจากสถานีก็ให้เลี้ยวขวา เดินไปซัก 15-20 นาทีก็จะเจอที่ทานอาหาร, coffee shop, ร้านขายเสื้อผ้า, โบสถ์ St. Peter
ถึงเวลาก็เดินกลับไปเจอเพื่อนที่สถานีและนั่งรถไฟไปลง Augsburg คราวนี้ไม่ได้นั่งชั้นหนึ่งเพราะตั๋วของเพื่อนเป็นแบบธรรมดา ที่นั่งก็จะเล็กลงหน่อย คนค่อนข้างเยอะเพราะเป็นช่วงเวลาเลิกงานพอดีแต่ที่สังเกตได้ชัดเลยคือเงียบ มากกกก เราก็งงทำไมไม่มีคนคุยกัน เหลือบไปเห็นว่าโบกี้ที่นั่งมีป้ายบอกว่าโบกี้นี้ห้ามพูดส่งเสียงดัง! มิน่าไม่มีใครคุยกันเลยหรือแม้แต่คุยโทรศัพท์ก็ไม่มี เจ๋งจริงๆ พอถึงสถานี Augsburg ปฏิบัติการแรกของสามีกับเพื่อนคือหาที่ดื่มเบียร์ ส่วนเราก็ดื่มโค้กไปตามระเบียบ
ระหว่างเดินไปบ้านเพื่อนก็ผ่าน The Fuggerei ซึ่งก็คือ Oldest existing social settlement in the world. ปัจจุบันก็ยังคงมีคนอาศัยอยู่ เสียดายตอนไปถึงเค้าปิดแล้วเลยได้แต่ถ่ายภาพด้านหน้ามาเท่านั้น
ค่ำคืนที่Augsburg จบลงที่อาหารค่ำอันแสนอบอุ่นที่บ้านเพื่อนสามี ชีสอันหลากหลาย สลัด ขนมปัง เบียร์และเสียงหัวเราะ 🙂