10 สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดของเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี
พูดถึงตุรกี เชื่อว่าคนไทยหลายคนรู้จักประเทศนี้เยอะมากขึ้น โดยสังเกตได้จากคนรอบข้างที่เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศนี้ในปีนี้หลายคนอยู่ ประกอบกับมีการยกเว้นวีซ่าให้คนไทยเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง
โดยส่วนตัวได้มีโอกาสไปเยือนตุรกีครั้งแรกเมื่อปี 2010 จำได้ว่าตอนนั้นยังต้องทำวีซ่าอยู่เลย ตอนไปถึงครั้งแรกค่อนข้างตื่นเต้นเพราะไม่เคยไปตุรกี แถมยังไม่ได้หาข้อมูลก่อนไปเลยเพราะมัวยุ่งกับงาน แต่โชคดีที่สามีเคยไปอยู่ตุรกีมาปีนึงและเค้าก็พอพูดภาษาตุรกีได้ เลยไม่ค่อยกลัวหลงเท่าไหร่
แน่นอนที่ถ้าไปตุรกีต้องไม่พลาด เมืองอิสตันบูล ถึงแม้จะไม่ใช่เมืองหลวง แต่กลายเป็นเมืองสำคัญทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม คมนาคม และการท่องเที่ยว มากกว่าเมือง Ankara ซึ่งเป็นเมืองหลวงของตุรกี ที่สำคัญคือคนส่วนใหญ่ในอิสตันบูลจะมีความเป็นยุโรปมากกว่าเมืองอื่นๆ มีร้านอาหารหรูหรามากมาย ผู้หญิงจะแต่งกายแบบยุโรปมากกว่า แต่ก็ขอเตือนนะคะว่าคนที่นี่ก็ยังคงความเป็นตุรกีอยู่มากทีเดียว เวลาจะเข้าไปเยี่ยมชมสุเหร่า ก็ควรให้ความเคารพสถานที่โดยการแต่งกายให้เรียบร้อย บางที่ผู้หญิงต้องใช้ผ้าคลุมผมด้วย คนตุรกีส่วนมากทั้งชายและหญิงไม่ใส่กางเกงขาสั้นนะคะ และบางโซนของเมืองอิสตันบูลจะมีความเป็นหัวเก่ามาก ไม่ควรนั่งดื่มแอลกอฮอลล์ตามร้านข้างทางตอนกลางวันหรือเดินถือกระป๋องเบียร์ อาจจะโดนมองหรือมีคนมีอายุเดินเข้ามาพูดต่อว่าเป็นภาษาตุรกีได้
ที่เที่ยวที่อิสตันบูลมีเยอะมาก แต่สำหรับคนที่ไม่มีเวลาเที่ยวได้หลายๆวัน ขอแนะนำสถานที่ที่ไม่ควรพลาดถ้ามาเมืองอิสตันบูล
1. Aya Sofya (ภาษากรีกเรียกว่า Hagia Sophia Museum แต่ภาษาตุรกีจะเรียกว่า Aya Sofya) เป็นที่แรกที่ไม่ควรพลาดจริงๆ เนื่องจากที่นี่เคยเป็นโบสถ์เก่าที่ Byzantine Emperor Justinian เป็นคนสั่งให้สร้าง ยอดโดมสูงถึง 184ฟุต เรียกได้ว่าเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก่อนที่ St. Peter’s จะถูกสร้างขึ้นที่โรม ต่อมาเมื่อคนตุรกีได้เข้ามายึดครองดินแดนส่วนนี้ก็ได้เปลี่ยนจากโบสถ์มาเป็น Mosqueในปี 1453 โดยใช้ปูน plaster โบกทับแทนที่จะทำลายภาพโมเสกในโบสถ์ แต่ปัจจุบันนี้ Aya Sofya ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ ด้านในจะมีรูปโมเสกของคริสเตียนให้เห็นมากมาย ส่วนโถงตรงกลางจะมีสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลาม
ค่าเข้าประมาณ 30 TL เปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์
-15 เมษายน- 30 กันยายน จะเปิดเวลา 9.00-19.00 (แต่เปิดให้เข้าชมอย่างช้าที่สุดคือ 18.00)
– 1 ตุลาคม- 14เมษายน จะเปิดเวลา 9.00-17.00 (แต่เปิดให้เข้าชมอย่างช้าที่สุดคือ 16.00)
For English, please see the details at themadtraveleronline
2. Blue Mosque หรือที่เรียกอีกชื่อว่า The Sultan Ahmed Mosque ถูกสร้างขึ้นในปี 1609-1616โดย Sedefkâr Mehmed Aga (ลูกศิษย์ Sinan, ผู้สร้างและออกแบบ Süleymaniye Mosque) สาเหตุที่เรียกว่า Blue Mosque ก็เพราะสีของผนังที่ตกแต่งด้านในเป็นสีน้ำเงิน Blue Mosque จะมีโดมใหญ่อยู่หนึ่งโดมและหอคอยสุเหร่าถึง 6 หอคอย ซึ่งทำให้เกิดปัญหากับ Grand Mosque ในนครเมกกะเพราะปกติ Mosque ทั่วไปจะมีหอคอยสุเหร่าไม่เกิน 4 หอคอย ทำให้ทางนี้ต้องส่งเงินให้ Grand Mosque ในนครเมกกะสร้างหอคอยสุเหร่าเพิ่มจาก 6 หอคอย เป็น 7 หอคอย
3. Topkapi Palace เป็นพระราชวังของสุลต่านออตโตมัน (Ottoman Sultun) ถูกสร้างขึ้นในปี 1460 โดยสุลต่าน Mehmet
สร้างเสร็จเมื่อปี 1478 ตั้งอยู่ในฝั่งยุโรป แต่ได้ถูกปล่อยร้างไปตอนประมาณกลางศตวรรษที่ 19 เนื่องจากออตโตมันได้สร้างพระราชวังใหม่ขึ้นชื่อ Dolmabahçe พระราชวังแห่งนี้ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ เมื่อปี 1924 และเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของ the Republic of Turkey
ใครที่สนใจจะเข้าชม แนะนำให้เช็ควันและเวลาเปิด-ปิดด้วยนะคะ สามารถเช็คได้ที่ http://topkapisarayi.gov.tr/en/visit-information
ใครที่สนใจจะเข้าชม แนะนำให้เช็ควันและเวลาเปิด-ปิดด้วยนะคะ สามารถเช็คได้ที่ http://topkapisarayi.gov.tr/en/visit-information
4. Dolmabahce Palace สุลต่าน Abdülmecid I เป็นคนสั่งให้สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้น เนื่องจากสุลต่านรู้สึกว่าพระราชวังเก่า (Topkapi) ไม่หรูหราและสะดวกสบายเมื่อเทียบกับพระราชวังของราชวงศ์ในยุโรป ค่าก่อสร้างพระราชวังแห่งนี้คิดเป็นเงินสดเทียบเท่ากับ $1.5 พันล้าน Dolmabahce ถูกสร้างขึ้นโดยสถาปนิกชื่อ Garabet และ Nigogos Balyan ในปี 1844-55
ภายหลังจากที่ Atatürk ( ผู้นำที่เปลี่ยนการปกครองประเทศเป็น the Turkish Republic และเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศตุรกี) ขึ้นเป็นประธานาธิบดี เค้าได้ใช้พระราชวังแห่งนี้เป็นที่พักช่วง Summer Atatürk ได้เสียชีวิตลงที่นี่เมื่อ 10 พฤศจิกายน ค.ศ.1938 หลังจากนั้นพระราชวังแห่งนี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์
5. Suleymaniye Mosque สุลต่าน Süleyman เป็นคนสั่งให้สร้างขึ้นเมื่อปี 1550 โดยสถาปนิกชื่อ Mimar Sinan สร้างเสร็จเมื่อปี 1558 ถือเป็น Mosque ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองอิสตันบูลและผ่านประสบการณ์มาโชกโชนพอสมควรเพราะถูกไฟไหม้เมื่อปี 1660, บางส่วนพังลงมาเพราะแผ่นดินไหวเมื่อปี 1766, เป็นที่เก็บอาวุธในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1หลังจากนั้นก็ถูกไฟไหม้อีกครั้งนึง Süleymaniye Mosque นี้ได้รับการบูรณะอย่างสมบูรณ์เมื่อปี 1956
6. Kariye Museum (La Chora church) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า the Church of The Holy Savior in Chora ถือเป็นโบสถ์สมัย Byzantine ประมาณต้นศตวรรษที่ 5 ที่มีความสำคัญมากแห่งหนึ่งถัดมาจาก Aya Sofya ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็น mosque ในช่วงที่ออตโตมันปกครองตุรกี และกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี1948
ได้รับการจัดอันดับเป็น 1ใน 30 พิพิธภัณฑ์ที่ต้องไปชมของโลก ( must – see museums in the world) จากหนังสือ “1,000 Places to See Before You Die” ด้านในจะเต็มไปด้วยภาพโมเสกและเฟรสโกของศิลปะสมัย Byzantine ตอนปลาย ส่วนมากเป็นภาพที่เกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตของ Christ และ the Virgin Mary พื้นที่ด้านในไม่ใหญ่มาก แต่ภาพแต่ละภาพมีความสมบูรณ์อยู่มากจริงๆ โดยส่วนตัวรู้สึกว่าภาพของที่นี่สมบูรณ์และมีมากกว่าที่ Aya Sofya ซะอีกแต่แปลกที่คนมาชมที่นี่ไม่มากเท่าไหร่
7. Yerebatan Saray (Basilica Cistern) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า Sunken Palace ที่นี่เป็นที่เก็บน้ำใต้ดินที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ปกครองจักรวรรดิ์ Byzantine ชื่อ Justinian (527-565) น้ำใต้ดินแห่งนี้ถูกส่งไปที่ Imperial palace และประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ เมื่อออตโตมันเข้ามาครอบครองตุรกี น้ำใต้ดินแห่งนี้ได้ถูกส่งไปใช้ในสวนของพระราชวัง Topkapi แต่หลังจากที่ออตโตมันติดตั้งระบบประปาของตัวเอง ที่เก็บนำ้ใต้ดินแห่งนี้ได้ถูกลืมไปหลายศตวรรษจนกระทั่ง P. Gullius มาทำ research เกี่ยวกับ Byzantine ที่ตุรกี ที่เก็บน้ำใต้ดินแห่งนี้ได้ถูกปรับปรุงซ่อมแซมอยู่หลายครั้ง จนมาปี 1985-1987 ได้มีการซ่อมแซมครั้งใหญ่ นำโคลนกว่าห้าหมื่นตันออกมาและมีการสร้างทางเดินขึ้นเพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม
เสาแต่ละเสาของที่นี่ทำด้วยหินอ่อน โดยมีเสาสไตล์ Corinthian อยู่ 98 ต้น แต่ที่เหลือเป็นสไตล์ Doric ไฮไลท์ของที่นี่คือศีรษะของเมดูซ่าที่มีอยู่ 2 อันให้ชม น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้ที่มาว่านำมาจากไหน ตอนที่เข้าไปชม อากาศข้างใต้ค่อนข้างเย็นและชื้น มีปลาให้ตัวใหญ่ให้เห็นมากมาย แต่ต้องระวังลื่นเพราะมีนำ้หยดตามทางเดินตลอด ถ้าใครอยากชมศีรษะของเมดูซ่าต้องเดินไปสุดทางเดินและเลี้ยวซ้าย ไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่เจอเพราะคนมุงถ่ายรูปกันเยอะมาก ที่สำคัญที่นี่ไม่ให้เอาขาตั้งกล้องอันใหญเข้าไปนะจ๊ะ (สถานที่นี้เป็นฉากหนึ่งในหนังสือ Inferno ของ Dan Brownอีกด้วย)
8. Galata Tower ภาษาตุรกีเรียกว่า Galata Kulesi หรือเรียกอีกชื่อคือ Jesus Tower โดย Genoese
Galata Tower ที่เห็น ณ ปัจจุบันนี้ถูกสร้างขึ้นโดย Genoese เพื่อมาแทนที่ Galata Tower อันเก่าที่อยู่ทางตอนเหนือของ Golden Horn ถูกสร้างขึ้นโดย Byzantines เป็น Tower ที่ถ้าขึ้นไปจะเห็นวิวของ Old Istanbul กับ Golden Horn คนที่จะขึ้นไปไม่ต้องกลัวว่าต้องเดินขึ้นบันไดให้เหนื่อยนะคะเพราะเดี๋ยวนี้เค้ามีลิฟท์บริการแต่ต้องเสียค่าเข้าด้วย area รอบๆนั้นเต็มไปด้วยร้านค้า, coffee shop มากมาย แนะนำว่าให้หาเวลาไปเดินเล่นแถวๆนั้นก่อนขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ตกดินแต่เผื่อเวลาเข้าคิวขึ้นชม Galata Tower ด้วยน้าาา
9.Grand Bazaar ถือเป็นตลาดปิด (Covered Bazaar) ที่ใหญ่และเก่าแก่ตลาดหนึ่งของโลก ถูกสร้างขึ้นประมาณปี 1455 และแล้วเสร็จประมาณปี 1461 คนที่ชอบ shopping ไม่ควรพลาดที่นี่ มีของพื้นเมืองให้เลือกซื้อมากมาย มีร้านขายของด้านในมากกว่า 4,000 ร้าน โดยเค้าจะแบ่งเป็น zone เพื่อจะได้เดินซื้อของได้สะดวกขึ้น ใครที่ชอบโคมไฟสวยๆ สไตล์ตุรกี พรมตุรกี จาน-ชามเซรามิกหลากสีสัน เครื่องเทศ หรือแม้แต่ jewelry คงได้ใช้เวลาเดินหลายชั่วโมงแน่ๆ เปิดตั้งแต่วันจันทร์- เสาร์ 9.00-19.00
10. Istiklal Caddesi, หมายถึง independent street เป็นกึ่งๆถนนคนเดิน ถนนสายนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองอิสตันบูล มีร้านค้าให้ shopping มากมาย ร้านค้าขายของที่ระลึก, ร้านอาหารพื้นเมืองหรือแม้แต่ร้านอาหารทะเล อีกทั้งยังมีร้านหนังสือ, coffee shop และร้านขาย Turkish ไอศกรีมตลอดถนนสายนี้ แถมยังมี tram ให้นั่งสำหรับคนที่ขี้เกียจเดินไป-กลับ ถนนนี้ใช่ว่าจะมีแต่คนเดินตอนกลางวันเท่านั้น พอตกกลางคืนจะเห็นร้านตามตรอก-ซอยเล็กๆเปิดเพลงเสียงดัง, มีทั้งนักท่องเที่ยวและคนหนุ่ม-สาวตุรกีมานั่งพบปะสังสรรค์ เต็มแน่นแทบทุกร้าน
ขอแถมอีกนิด สำหรับใครที่มา Istiklal Caddesi ขอแนะนำให้นั่ง The World’s Oldest Underground Train หรือที่เรียกอีกชื่อว่า Istanbul’s Tünel ซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี 1871-1874 โดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส ชื่อ Eugene Henry Gavand เปิดให้ใช้ในปี 1875 ถือเป็นรถไฟใต้ดินที่เก่าแก่อันดับ 2 ของโลก รองจากลอนดอน และยังมีระยะทางที่สั้นที่สุดของโลกอีกด้วย เป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่าง Karaköy กับ Beyoglu.
For English, please see the details at http://revtravel.com/international-travel/the-istanbul-promenade/
นับหอคอยที่ Blue Mosque ได้แค่ 5 หอคอยเองอ่ะ // ชอบจานชามตุรกีค่ะ สวยมีเอกลักษณ์ดี // ไปตุรกีครั้งนี้ผู้เขียนได้กินไอติมรึเปล่า ไม่เห็นเขียนถึงเลย
Thank you for your comment naka Khun Yooy 🙂 You saw only 5 because of the photo shot naka. I didn’t eat any ice-cream because of I knew their trick hehehe