ทริปนี้ลุ้นระทึกตั้งแต่นั่งเครื่อง ปกติบินจากสนามบินดอนเมืองไปย่างกุ้งใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆ แต่ทริปนี้ นอนหลับไปหลายรอบแล้วก็ยังไม่ถึงซะที มองออกนอกหน้าต่างก็เห็นหมอกหนามาก ก็คิดว่าคงยังไม่ถึงเพราะยังไม่เห็นตัวเมือง เลยหลับไปอีกตื่น พอตื่นขึ้นมาอีกทีชักแปลกใจ ดูนาฬิกา เอ๊ะ ทำไมบินเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว เลยถามสามีว่าทำไมเรายังไม่ถึงซะที สามีบอก นักบินพยายามจะลงจอดหลายรอบแล้วแต่ลงไม่ได้ซะที สงสัยหมอกหนาไป เลยมองออกนอกหน้าต่างไปอีกรอบ ปรากฎว่าเครื่องบินไม่ได้บินสูงเล้ยยยยย เห็นเมืองอยู่ข้างล่างใกล้มว้ากกกก ชักใจไม่ดี สวดมนต์ก็หลายรอบอยู่ นักบินพยายามลงจอดอีกก็ยังไม่ได้ต้องเชิดหัวขึ้น ทุกคนบนเครื่องบินเริ่มเงียบ นักบินลองลงจอดอีกสองรอบก็ยังไม่ได้แต่สุดท้ายก็สำเร็จ! เฮ้อ โล่งอก นึกว่าจะแย่เสียแล้วงานนี้ ดีนะที่มีน้ำมันพอที่จะบินวนอีกชั่วโมงกว่าๆ
พอเดินไปที่กองตรวจคนเข้าเมือง ก็ต่อแถวตามปกติ อาจจะเจอบางคนเดินมาเนียนๆกะจะแซงเราก็มี ตอนที่ยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ เค้าก็ไม่ถามอะไร หลังจากนั้นก็ไปรอรับกระเป๋าที่สายพาน ขอชมหน่อยนะคะว่าที่สนามบินที่นี่มี free WiFi ไม่ต้องไปขอรหัสหรือกำหนดว่าให้ใช้ได้แค่กี่ชั่วโมงให้ยุ่งยากเหมือนบ้านเรา
เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่มาย่างกุ้ง เลยขอใช้บริการรถ taxi ที่มีเคาน์เตอร์อยู่ด้านในของสนามบินก่อนที่จะออกไปตรงส่วนที่มีคนมารอรับญาติ ค่าบริการที่เค้าคิดจากสนามบินไปโรงแรมที่อยู่ในเมืองคือ 9,000 จ๊าด และเค้าจะมีพนักงานเดินมารับเราจากเคานเตอร์ไปส่งถึงที่รถเลย เราจ่ายค่ารถให้กับคนขับรถตอนที่เราถึงโรงแรมที่พัก ว่าแต่แท็กซี่ที่นี่ไม่ค่อยเปิดแอร์นะคะ อาจต้องเสียเงินเพิ่มถ้าต้องการให้คนขับเปิดแอร์
ส่วนเรื่องแลกเงิน แนะนำให้เอา US$ ไปแลกเพราะจะได้ราคาดีกว่า แต่ถ้าไม่มีก็ใช้เงินบาทก็ได้คะ ถ้าใช้ US$ แลก ต้องเป็นแบงค์ใหม่กิ๊ก ไม่มีรอยพับหรือรอยขาดแม้แต่มิลเดียวเลยนะคะ ไม่งั้นเค้าไม่รับแลกคะ เคาน์เตอร์แลกเงินจะอยู่ด้านนอกตรงที่มีคนมารอรับญาติ ถ้าไปกับเพื่อนเวลาที่กำลังยืนแลกเงินก็ให้เพื่อนมายืนขนาบข้างด้วยนะคะ เพราะคนที่นี่ไม่ต่อแถวกัน บางทีเรายืนแลกอยู่ก็มายืนติดกับเราเหมือนมาด้วยกันซะงั้น แลกเสร็จก็นับเงินให้ครบก่อน เก็บเงินเข้ากระเป๋าดีๆก่อนเดินออกจากเคาน์เตอร์เพราะแถวนั้นคนเยอะมาก ไม่รู้ใครเป็นใคร “ขอแนะนำให้เข้าไปอ่าน travel tips to Yangon ได้ที่ Themadtraveleronline นะคะ”
โรงแรมที่พักชื่อ MK hotel ไม่ใช่โรงแรมหรูหรา ไฮโซแต่เป็นตึกแถวที่มาทำเป็น guest house ตอนที่จองผ่าน Agoda ค่าห้องจะประมาณ $90กว่า เกือบ $100 ต่อคืน ตอน check in จะมี welcome fruit plate ( แตงโม, สับปะรด, มะละกอ)กับ welcome drink (น้ำส้มหรือไม่ก็ชา/กาแฟ)ให้ด้วยนะคะ พนักงานโรงแรมสามารถพูดภาษาอังกฤษได้แต่เด็กที่ยกกระเป๋าจะพูดไม่ได้เลย ห้องที่ได้จะอยู่ที่ตึกติดกัน เดินขึ้นบันไดไปหนึ่งชั้นก็จะมีลิฟท์ให้ใช้ ตัวห้องพักกว้างและสะอาดมาก ห้องน้ำก็กว้าง อ้อ มีฟรี WiFi และก็รวมอาหารเช้าด้วยคะ ด้านหน้าโรงแรมจะมีแท็กซี่จอดเต็มไปหมด ถ้าจะไปไหนก็บอกพนักงานที่หน้า front นะคะแล้วเค้าจะเรียกแท็กซี่ให้ แท็กซี่ที่นี่ไม่ใช้มิเตอร์แต่จะบอกราคามาเลยว่าเท่าไหร่ ก็เหมือนกับกรุงเทพสมัยก่อน จะเดินออกไปเรียกเองริมถนนก็ได้ แต่แนะนำให้เจ้าหน้าที่โรงแรมเขียนเป็นภาษาพม่ากำกับไปกับภาษาอังกฤษด้วย ที่สำคัญคือ แผนที่กับนามบัตรโรงแรมที่ต้องมีติดตัว
จริงๆที่เที่ยวในย่างกุ้งมีไม่ค่อยมาก อยู่แค่ 2 วัน ก็เที่ยวหมดแล้วคะ วัดที่ย่างกุ้งมี 2-3 วัดที่น่าแวะชม เช่น Shwedagon Pagoda, Sule Pagoda, Botataung Pagoda แต่ถ้ามีเวลานานหน่อย นั่งรถไปประมาณ 4 ชั่วโมงได้ ก็แนะนำให้ไปที่ Kyaikto ( Golden Rock) นะคะ
แต่โพสนี้ขอเน้นไฮไลท์ของเมืองย่างกุ้ง ที่แรกคือ วัดชเวดากอง (Shwedagon Pagoda)
นั่งรถ taxi จากโรงแรมไปวัดจ่ายไป 3,000 จ๊าด ค่าเข้าวัดชเวดากอง 16,000 จ๊าด ก่อนจะไปวัดก็แต่งตัวให้สุภาพนะคะ ไม่ใส่ขาสั้น, เสื้อสายเดี่ยวก็ไม่ได้, เค้าไม่ให้ใส่รองเท้าหรือแม้แต่ถุงเท้า เพราะฉะนั้นถ้าใครเอารองเท้าดีๆไปและไม่อยากถอดรองเท้าไว้ข้างล่างตรงที่ จ่ายค่าเข้า แนะนำให้เอาถุงพลาสติกไปด้วยเพื่อใส่รองเท้าและนำติดตัวไปกับเรา
อ้อ อย่าลืมพกผ้าเปียกไปด้วย เอาไว้เช็ดเท้าตอนเดินชมวัดเสร็จ ส่วนใครที่ลืมใส่ขาสั้นไปไม่ว่าจะชายหรือหญิง ทางวัดมีผ้าถุงให้ยืมนะคะ ต้องเสียค่ามัดจำก่อน ทางเจ้าหน้าที่จะให้ผ้าถุงมา ขอย้ำนิดนึงว่า เค้าต้องให้ใบเสร็จที่บอกว่าเรามัดจำไปเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ แนะนำว่าถ้าเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ต้องเอา ก็อย่ายอมนะคะ พอดีตัวผู้เขียนเจอกับตัว ต้องยืมผ้าถุงให้สามี ตอนให้เงินไปให้เกินจำนวนที่เค้ากำหนดเนื่องจากไม่มีแบงค์ย่อย พอได้ผ้าถุงมาเราก็ยืนรอว่าเจ้าหน้าที่จะให้ใบที่เป็นการยืนยันว่าเรามัดจำ ไปเท่าไหร่ พอถามไป เจ้าหน้าที่ผู้หญิงก็บอกประมาณว่าไม่มีให้ ให้เราขึ้นไปเดินชมวัดและกลับมาเอาเงินคืนตอนคืนผ้าถุง โชคดีที่มีไกด์พม่าที่พูดไทยได้อยู่ใกล้ๆ เราก็ถามไกด์ไป ไกด์ก็พูดเป็นภาษาพม่ากับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนั้น เค้าถึงได้เขียนในกระดาษแล้วยื่นให้เรา ดีที่พอเรารับใบมาเราก็เช็คดูจำนวนเงินที่เค้าเขียนให้ ปรากฎว่าเขียนจำนวนเงินน้อยกว่าที่เรามัดจำไป เลยบอกเค้าไปว่าเราให้เงินค่ามัดจำไปมากกว่านี้ ให้แก้ตัวเลขด้วย ไม่รู้ว่าเจตนาหรือไม่ เพราะฉะนั้นไปที่ไหนก็ต้องระวังและรอบคอบนะคะ
แนะนำให้ไปที่วัดประมาณใกล้ๆพระอาทิตย์ตกดินถึงจะสวยและเวลาเดินจะได้ไม่ร้อนเท้ามาก
วัดชเวดากองยังมีจุดสรงน้ำพระตามวันที่เกิดอีกด้วย โดยรองน้ำจากท่อประปาที่อยู่หน้าพระพุทธรูป
ตอนเดินรอบๆวัดก็เห็นฝรั่งกลุ่มใหญ่มุงดูและถ่ายรูปอยู่ เราด้วยความอยากรู้บ้าง เลยเข้าไป join กะเค้าด้วย อ๋อ ที่แท้แม่ชีน้อยพยายามยกไม้อันหนักอึ้งเพื่อตีระฆังนั่นเอง
ส่วนอีกที่ที่ควรไปดูคือ ตลาด Bogyoke
ตลาดที่นี่ก็ไม่ต่างจากตลาดบ้านเรา เค้าจะแบ่งเป็นโซนๆ เช่นโซนขายผ้า, ขายเสื้อ, ขายภาพวาดแต่ที่เห็นเด่นๆคือขายพวกอัญมณี แหวน สร้อยต่างๆ งานนี้ไม่เสียตังค์ซักบาทเพราะของเหมือนๆกับบ้านเราเลย เลยเดินชมของแทนแล้วกัน ><
วันที่ไปเจอกองถ่ายจากเมืองไทยด้วย เลยขอแชะภาพกับดาราชายไทย คุณเขตต์ ฐานทัพ
ตอนเดินกลับก็จะเห็นแม่ค้าขายผักสดวางอยู่บนทางเท้าเป็นแนวยาวพอสมควร
มีอาหารทอดวางขายด้วย ที่นี่เท่าที่สังเกตเห็นแม่ค้าจะใช้เตาถ่านกัน ยังไม่เห็นเจ้าไหนใช้เตาแก๊สเลย
ตึกที่นี่สวยๆเยอะ คงเพราะเป็นช่วงที่ประเทศอังกฤษเข้ามาปกครองแต่เสียดายที่ไม่ได้รับการดูแลรักษา
เดินกันมาทั้งวัน ขอตัวไปพักก่อนนะคะ โพสหน้าจะพาไปตะลอนหาของทานกันค่า
ผู้เขียนได้ลอง street snack มั้ยคะ ………… แบบว่าดูรูปแล้วอยากกิน 555
hahaha yes, we tried it ka 🙂
Pingback: Where to eat in Yangon | Tip's Food and Travel